...

6 ระดับความสุกของเนื้อสเต็ก สั่งแบบไหนให้อร่อยโดนใจ

สำหรับวงการสายเนื้อ คนรักเนื้อต่างก็ รู้กันดีอยู่แล้วว่า ระดับความสุกของเนื้อ มีอยู่ด้วยกันหลายระดับ มีทั้งระดับเนื้อ สุกน้อย สุกปานกลาง ไปจนถึง สุก 100% ซึ่งแต่ละระดับ จะมีรสชาติความฉ่ำ juicy ของเนื้อที่แตกต่างกันไป สำหรับเคล็ดลับ ที่ทำให้หลายคนหลงรัก รสชาติความหอมนุ่มของเนื้อ อยู่ที่การย่าง ดังนั้น ร้านอาหารจึงจำเป็นต้องรู้ว่า ย่างเนื้อกี่นาที จึงจะได้ความสุก ตามที่ลูกค้าต้องการ

สำหรับท่านใดที่พึ่งเริ่มเข้ามา ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเนื้อ เป็นมือใหม่ที่ต้องการทราบ ว่าหากจะทำสเต๊กทาน จะต้องมีความสุกระดับใด จึงจะเหมาะกับความต้องการของตนเอง หรือบางคนต้องการนำความรู้ ไปเปิดร้านขายอาหาร วันนี้ เชฟ แฮปปี้ ทาง ร้านคัม ขอนแก่น ได้รวบรวมข้อมูล ที่ทุกคนควรรู้ มาไว้ให้ได้ศึกษากันดังนี้

หัวข้อประโยชน์ของเนื้อวัวน่ารู้

6 ระดับความสุกของเนื้อ ระดับไหนอร่อยที่สุด แต่ละแบบย่างกี่นาที ?

ระดับความสุกของเนื้อ-degrees-of-doneness-meat

เมื่อนึกถึงเนื้อวัวคุณภาพ และรสชาติดี เมนูที่สายเนื้อนึกถึงเป็นอันดับแรก ก็คงไม่พ้น สเต๊ก เมนนูอาหารเชื้อสายฝรั่งเศษ ที่เป็นเมนูยอดฮิต และได้รับความนิยมไปทั่วโลก สเต๊กที่เราทาน หรือสั่งตามร้านอาหาร แท้จริงแล้วมีให้ทุกท่านได้ เลือกทาน ระดับความสุกเนื้อ ทั้งหมด 6 ระดับ ซึ่งวันนี้เราไปดูกันเลยดีกว่าว่า 6 ระดับความสุกของสเต็ก จะมีอะไรบ้าง และมีวิธีขั้นตอนการ ย่างเนื้อกี่นาที ไปเริ่มกันเลย!

ระดับความสุกของเนื้อ Blue-Rare-Steak

1. Blue Rare

บูลแรร์ (Blue Rare) หรือ เวลาที่สั่งตามร้าน ในชื่อ Steak Blue Rare เป็นระดับที่เนื้อด้านนอก สุกเป็นสีน้ำตาลนิดหน่อย แต่เนื้อด้สนใยยังมีสีแดงเข้มอยู่ แทบจะเป็นเนื้อดิบเลยก็ว่าได้ สำหรับรสชาติของระดับนี้ จะเหมือนกับทานเนื้อดิบเลย จืด ๆ ไม่ได้กลิ่นหอมของเนื้อสุก คนที่ชอบทานเนื้อวัวดิบอยู่แล้ว อาจจะชอบระดับนี้ แต่สำหรับคนไทยแล้ว จะไม่ได้เป็นที่นิยมมาก เพราะมีความเหนียวเล็กน้อย มีกลิ่นคาวเนื้อหน่อย ๆ  ตามคุณภาพของเนื้อวัวแต่ละชนิด
เคล็ดลับการย่าง : ก่อนนำเนื้อมาย่าง ให้นำเนื้อออกจากตู้เย็น มาพักไว้ก่อน จนกว่าเนื้อจะมีความเย็น เทียบเท่ากับอุณหภูมิห้อง สำหรับการ หมักเนื้อ หรือการปรุงเนื้อ ก็แล้วแต่ความชอบ ของแต่ละคนได้เลย เมื่อเนื้อพร้อมแล้ว ให้ตั้งกระทะด้วยไฟร้อนจัด และนำเนื้อที่เตรียมไว้ไปนาบ กับกระทะข้างละประมาณ 2-3 นาที เสร็จแล้ว ให้นำเนื้อไปวางพักไว้ประมาณ 3 นาที เท่านี้เมื่อคุณหั่นเนื้อออกมา ก็จาะพบว่าเนื้อด้านใน ยังมีความแดงสด เหมือนเนื้อดิบ ตรงตามความต้องการ ของความสุกระดับนี้พอดี

2. Rare

แรร์ (Rare) หรือ เมนูในร้านอาหารชื่อ Rare Steak เป็นระดับความสุก ของเนื้อด้านในที่ 75% ซึ่งสุกมากขึ้นกว่าระดับแรก เนื้อด้านนอกมี สีน้ำตาลอทเทา เนื้อที่ถัดเข้ามาจะออกแดงชมพู ตรงกลางสุดจะ มีความแดงคลายเนื้อดิบ โดยก็ยังเป็นระดับ ที่ไม่ได้รับความนิยมใน วงการสายเนื้อประเทศไทยเช่นกัน ส่วนรสชาติ จะมีความหอมนุ่มเข้มข้น มากกว่าเนื้อดิบนิดหน่อย ความเหนียวก็ยังคงมี แต่น้อยกว่ามากระดับบูลแรร์ เรื่องกลิ่นคาวอาจจะดีขึ้น แต่ถ้าสำคนที่ชอบ ทานเนื้อดิบอยู่แล้ว จะไม่มีปัญหา ส่วนคนที่ยังไม่เคยทานเนื้อมาก่อน ไม่แนะนำให้สั่งความสุกระดับนี้

เคล็ดลับการย่าง : ก่อนจะนำเนื้อมาย่าง ให้นำออกมาพักไว้ด้านนอก จนมีอุณหภูมิเท่ากับ อุณหภูมิห้องเสียก่อน เพราะจะทำให้เนื้อสุก ได้ระดับที่เราต้องการ เมื่อเนื้อได้ที่แล้ว ให้ตั้งกระทะด้วยไฟแรงจัด จากนั้นนำเนื้อ ไปนาบกับกระทะด้านละ 4 นาที เพื่อความแม่นยำ ให้นำเทอร์โมมิเตอร์วัดเนื้อ ให้มีอุณหภูมิที่ 40.8 องศา จากนั้นนำเนื้อลงมาพักไว้สักครู่ แล้วหั่น ก็จะได้เนื้อความสุกตามต้องการ
ระดับความสุกของเนื้อ Rare-Steak
ระดับความสุกของเนื้อ Medium-Rare-Steak-1

3. Medium Rare

มีเดียม แรร์ (Medium Rare) หรือMedium Rare Steak คือ ระดับความสุกของเนื้อที่ด้รับ ความนิยมสูงสุดในประเทศไทย ผิวเนื้อด้านนอกสุก 50% มีสีน้ำตาลเข้ม ส่วนด้านในมีความดิบ 50% ซึ่งเป็นสีแดงตรงกลางชิ้้นเนื้อ และนับเป็นระดับความสุก ที่ทำให้เนื้อ มีรสชาติดีที่สุดอีกด้วย เนื้อจะหอมนุ่ม และมีความฉ่ำมากที่สุด เรียกได้ว่า แม้คนที่ไม่เคยทานเนื้อ ยังต้องยอมจำนนให้กับ การย่างสเต๊กในความสุกระดับนี้

เคล็ดลับการย่าง : ก่อนจะนำเนื้อไปย่าง ต้องทำการพักเนื้อ จนมีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิห้องเสียก่อน หลังจากนั้นให้ตั้งกระทะด้วยไฟแรงสุด และนำเนื้อไปนาบกับกระทะข้างละประมาณ 5 นาที และเพื่อความแม่นยำ ให้นำเทอร์โมมิเตอร์วัด ให้ได้อุณหภูมิ 54.4 องศา จึงนำเนื้อออกจากกระทะ วางทิ้งไว้ซักพักค่อยหั่น ประมาณ 3 นาที ก็พร้อมหั่นเสิร์ฟได้เลย

4. Medium

สำหรับความสุกของใน ระดับ Medium หรือ มีเดียม คือ จะมีความสุกของเนื้อ ขึ้นมาอีกนิดหน่อย โดยด้านนอกจากมีสีน้ำตาลเข้ม ไล่ระดับมาน้ำตาลอ่อนลงมาไปจนถึงเนื้อด้านในที่ยังคงเป็นสีชมพูอยู่ เหมาะสำหรับคนที่รสสัมผัสในการเคี้ยว เพราะด้านนอกจะมีความเหนียวขึ้นมา แต่ข้างในจะมีความฉ่ำของน้ำเนื้อ ไม่แห้งมาก ทั้งยังมีความเข้มข้นของรสเนื้ออยู่ด้วย โดยระดับความสุกนี้จะเหมาะกับ การทำเนื้อวากิว A4 เพราะไขมันของเนื้อจะละลายได้ที ไม่เหนียวแต่ให้รสสัมผัสที่นุ่มกว่าเดิม เหมือนเนื้อละลายหายไปในปาก และการย่างระดับนี้ไม่เหมาะกับเนื้อสเต็กที่มีชิ้นหนา เพราะอาจจะรู้สึกว่าเนื้อมีความเหนียมเกินไป

เคล็ดลับการย่าง : สำหรับการย่างเนื้อ สเต็กมีเดียม ให้นำเนื้อออกมาพักไว้ ในอุณหภูมิห้อง เมื่อเนื้อละลายแล้ว ให้ตั้งกระทะให้ร้อน แล้วนำเนื้อไปนาบบนกระทะร้อนข้างละประมาณ 6 – 7 นาที หรือ อาจใช้เครื่องวัดอุณภูมิ (เทอร์โมมิเตอร์) จิ้มของไปตรงกลางของเนื้อ โดยที่เนื้อมีความร้อนอยู่ที่ประมาณ 60° C เมื่อได้ระดับความสุกที่ต้องการแล้ว ก็ตักแล้วนำขึ้นเนื้อมีเดียมมาพัก แล้วจัดเสิร์ฟได้เลย
ระดับความสุกของเนื้อ Medium-Steak-1
ระดับความสุกของเนื้อ Medium-well-Steak

5. Medium-Well

เนื้อระดับความสุกนี้ จะมีความสุกขึ้นมาเกือบทั้งชิ้น โดนที่ภายในเนื้อตรงกลาง จะมีสีชมพูอ่อนบาง ไม่มีความชุ่มฉ่ำของน้ำในเนื้อ ภายนอกเป็นสีน้ำตาลเข้มเกือบทั้งชิ้น ด้านนอกจากมีความเหนียวขึ้นอีกระดับ แต่ในส่วนตรงกลางของเนื้อจะ มีความนุ่มอยู่เล็กน้อย และขาดความฉ่ำเพราะมีน้ำน้อยลง รสชาติของเนื้อไม่เข้มข้มเท่าระดับมีเดียม

เคล็ดลับการย่าง : สำหรับการย่างเนื้อ medium well (มีเดียมเวล) นำเนื้อที่แช่เย็นไว้ออกมาพัก ในอุณหภูมิจนละลายดีแล้ว ค่อยตั้งกระทะให้มีความร้อน ในน้ำมันมะกอก หรือ เนย จนละลายดีแล้วก็ใส่เนื้อตามลงไป อาจจะใส่ไปใบไทม์ โรสแมรี่ กระเทียม ให้ได้ความหอม โดยเราจะย่างเนื้อใช้เวลาข้างละ 7 – 8 นาที ขึ้นอยู่กับความหนาของเนื้อที่ใช้ จึงจะได้ความสุกที่ต้องการ หรือ หากที่บ้านมีเครื่องเทอร์โมมิเตอร์ ที่ใช้วัดอุณภูมิสำหรับทำอาหารแล้ว ก็นำไปจิ้มที่ตรงกลางของเนื้อ โดยที่วัดจากอุณหภูมิด้านในเนื้อให้อยู่ที่ประมาณ 65.5° C ก็สามารถนำขึ้นมาพักแล้วค่อยจัดเสิร์ฟ

6. Well Done

ความสุกของเนื้อ ระดับเวลดันนั้น ไม่ค่อยเป็นที่นิยม เพราะการย่างเนื้อ หรือ ย่างสเต็กในระดับนี้จะขาดความชุ่มฉ่ำของเนื้อ เนื้อมีรสสัมผัสที่แข็งกระด้าง เพราะถือเป็นการย่างสเต็กเนื้อที่สุดเต็มที่ 100% กลิ่นหอมจะได้รับจากเครื่องเทศ แต่จะไม่มีกลิ่นหอมของเนื้อ ความฉ่ำของน้ำเนื้ออยู่เลย โดยเนื้อจะมีสีน้ำตาลทั้งด้านนอกและด้านใน น้ำของเนื้อที่ให้ความหวานและรสเนื้อจะหายไปหมด

เคล็ดลับการย่าง : สำหรับการย่างเนื้อ สเต็ก เวลดัน (well done) นำเนื้อออกมาพักไว้อุณภูมิห้อง เมื่อเนื้อได้อุณภูมิห้องแล้ว ให้ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยทั้งสองด้าน จึงตั้งกระทะบนไฟให้ร้อน ใส่น้ำมันมะกอก เนย แล้วนาบเนื้อลงไป เมื่อด้านนอกได้สีที่ต้องการแล้ว จึงใส่โรสแมรี่ ใบไทม์ กระเทียม หรือจะใส่หอมใหญ่หั่นแว่นตามลงไปในกระทะ โดยให้ความร้อนแต่ละด้านอยู่ที่ 9 – 10 นาที จึงพลิกด้าน ก็จะได้ความสุกของเนื้อที่ต้องการ

ระดับความสุกของเนื้อ Well-done-Steak

วิธีเช็ค ระดับความสุกของเนื้อ ด้วยมือคุณเอง

และอีกหนึ่งวิธีสำหรับ การเช็คความสุกของเนื้อ โดยไม่ต้องจับเวลา หรือ ใช้เครื่องมือวัดอุณภูมิของเนื้อ (เทอร์โมมิเตอร์) เลย นั่นก็คือ มือของเราเอง แต่วิธีนี้ไม่แนะนำสำหรับ คนที่ทำร้านอาหาร เพราะอาจจะเกิดการผิดพลาดได้ แต่สำหรับเชฟมืออาชีพ บางท่านก็ใช้วิธีนี้ เพราะความชำนาญของเชฟเองก็มี หรือหากมือสมัครเล่นอยากลอง เราไม่ได้ห้าม โดยวิธีการเช็คนั้นจะใช้เพียง มือข้างหนึ่งในการทำ คือ เอานิ้วโป้งกับนิ้วอื่น ๆ แตะเข้ากัน แล้วใช้มืออีกข้างกดจิ้มไปตรงโค่นนิ้วโป้ง แล้วให้ลองเอาทัพพี หรืออุปกรณ์จิ้มไปที่เนื้อบนกระทะ ดังนี้

  • Rare : เอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้จรดหากัน ตรงโค่นนิ้วจะมีความแข็ง ที่อยู่ในระดับ แรร์
  • Medium Rare : เอานิ้วโป้งกับนิ้วกลางจรดหากัน เมื่อเนื้อสุกได้ที่จะมีความนุ่ม เท่ากันโค่นนิ้วโป้ง
  • Medium : เอานิ้วโป้งกับนิ้วนางจรดหากัน ความสุกของเนื้อจะได้เท่ากับ ความแข็งของโค่นนิ้วโป้ง
  • Well Done : เอานิ้วโป้งกับนิ้วก้อย จรดเข้าหากัน ก็ได้ความสุกของเนื้อเท่ากัน

นี่เป็นเพียงวิธีการสำหรับ คนไม่มีเทอร์โมมิเตอร์ ซึ่งอาจจะมีความคลาดเคลื่อน ของระดับเนื้ออยู่บ้าง แต่ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ประหยัดงบ ไม่จำเป็นต้องซื้อเครืื่องมือมาใช้ โดยทั้งนี้ก่อนนำเนื้อมาย่างเป็นสเต็ก ควรเอาเนื้อที่แช่เย็นออกมาพักไว้ ให้ได้เนื้อที่อยู่ในอุณภูมิห้องจะดีกว่า เพราะสามารถทำให้การ ใช้นิ้วมือวัดไม่คลาดเคลื่อนจนเกินไป

ระดับความสุกของเนื้อ-Finger-test-for-doneness-of-your-steak

คำถามที่พบบ่อย

Medium Rare Steak คือ ระดับความสุกของเนื้อที่ด้รับ ความนิยมสูงสุดในประเทศไทย ผิวเนื้อด้านนอกสุก 50% มีสีน้ำตาลเข้ม ส่วนด้านในมีความดิบ 50% ซึ่งเป็นสีแดงตรงกลางชิ้้นเนื้อ และนับเป็นระดับความสุก ที่ทำให้เนื้อ มีรสชาติดีที่สุดอีกด้วย
  1. ก่อนนำเนื้อมาย่าง ต้องพักเนื้อให้มีอุณหภูมิเท่ากับ อุณหภูมิห้อง
  2. ต้องใช้ไฟแรงจัดในการตั้งกระทะ
  3. ต้องมีเทอร์โมมิเตอร์ วัดอุณหภูมิเนื้อ ให้ได้ตามที่ระบุไว้ ของแต่ละระดับ
  • ร้านคัมมีสเต๊กกระทะร้อนทั้งหมด 2 เมนู ได้แก่
  • สเต๊กเนื้อริบอายย่างกระทะร้อน จิ้มแจ่ว
  • สเต๊กสันคอหมูย่างกระทะร้อน จิ้มแจ่ว
นอกจากนี้ยังมีเมนูกระทะร้อนอื่น ๆ ได้แก่  เนื้อไหล่หั่นเต๋าย่างกระทะร้อน, สันคอหมูไสลด์ย่างกระทะร้อน และเนื้อเสือร้องไห้สไลด์ย่างกระทะร้อน
ตอบได้เลยว่าเหนียวแน่นอน ถึงจะเป็นเนื้อเกรดพรีเมียมแค่ไหน ก็เหนียวได้ ต้องสไลด์เป็นชิ้นบาง ๆ เท่านั้น จึงจะทำให้ทานได้ง่ายขึ้น
สอบถาม ปิด